คุณครูสุดแหวก! ใช้การ์ตูน One Piece เป็นสื่อการสอนภาษาอังกฤษ
- HotHeadMan
- Mar 3, 2019
- 1 min read
มาดัดแปลงเป็นเกม พาเด็กนักเรียนออกเรือไปพร้อมกับบทเรียน

หลังจากที่ครั้งก่อนเราได้สัมภาษณ์ครูแบงค์ไปแล้วกับการที่ครูแบงค์นำเกมชื่อดังอย่าง ROV และ Overwatch มาทำเป็นบอร์ดเกมรวมถึงมีการนำเกมอื่นๆ มาดัดแปลงเป็นการ์ดเกมอย่าง Werewolf เวอร์ชั่นโรงเรียนผีสิง และเกมพัฒนาใหม่อย่าง Hello World เพื่อเสริมทักษะภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนในวันวิชาการของโรงเรียนครั้งที่ผ่านมา แต่เรื่องราวของครูแบงค์สุดแหวกแนวคนนี้ยังไม่ได้จบแต่เพียงเท่านั้น เพราะในวันนี้เราจะพาผู้อ่านมาพบกับห้องเรียนสุดแปลกที่ครูแบงค์จะพาเหล่าตัวการ์ตูนวันพีซมาโลดแล่นในห้องเรียนครับ
ทีมงาน TIG : สวัสดีครับครูแบงค์ เราเจอกันอีกครั้งนะครับ ในวันนี้ผมจะขออนุญาตพูดคุยถึงห้องเรียนที่ครูแบงค์สอนครับว่า ครูแบงค์สอนภาษาอังกฤษในห้องเรียนด้วยวิธีใดครับ
ครูแบงค์ : การสอนภาษาอังกฤษของผมขออนุญาตใช้คำศัพท์ที่ผมคิดขึ้นเองนะครับ ก็คือวิธีการสอนด้วยการใช้ตีมในการสอน (Theming Teaching) ครับ

ทีมงาน TIG : ไม่ทราบว่าการใช้ตีมในการสอนของครูแบงค์ หมายถึงยังไงครับ?
ครูแบงค์ : ในห้องเรียนผมจะมีการกำหนดขึ้นมาเลยครับว่าตีมของเราในการเรียนทั้งปีการศึกษานี้จะเป็นอย่างไร โดยผมจะนำตัวละคร, เรื่องราว, การจัดกิจกรรมต่างๆ ให้สอดคล้องกับตีมในการสอนของผม ซึ่งรูปแบบตีมนี้จะทำให้การสอนมีรูปแบบที่ชัดเจนตลอดการสอนทั้งปีการศึกษาครับ

ทีมงาน TIG : ครูแบงค์บอกว่าผลโหวตที่ออกมาตลอด 3 ปีเป็นวันพีซ แสดงว่าครูแบงค์สอนด้วยวิธีนี้มานานแล้วเหรอครับ?
ครูแบงค์ : ใช่ครับ จริงๆ ต้องบอกว่าสอนมา 4 ปีครับ แต่ปีแรกเป็นปีที่ผมลองของใหม่ ทำให้อะไรหลายๆ อย่างยังไม่ลงตัว โดยปีแรกผมกำหนดตีมเอง นักเรียนอาจจะไม่ได้ชอบทุกคน แต่ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่าถ้านักเรียนเลือกตีมเองน่าจะดีกว่า แต่สิ่งที่ผมได้รู้ก็คือ นักเรียนชอบเรียนด้วยกิจกรรมครับ ยิ่งกิจกรรมไหนที่นักเรียนได้เคลื่อนไหวร่างกาย นักเรียนก็ยิ่งชอบครับ

ทีมงาน TIG : ในการสอนด้วยตีม มีองค์ประกอบในการสอนอะไรบ้างครับ?
ครูแบงค์ : ถ้าพูดภาษาวิชาการเลยก็คือ การสอนแบบสตอรี่ไลน์ ที่ในแต่ละคาบผมจะมีเนื้อเรื่องเหตุกาณ์ในแต่ละวันให้นักเรียนได้ติดตามเหมือนอ่านการ์ตูน และใช้การสอนด้วยกิจกรรม (Activity Based Learning) ในการให้นักเรียนเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่เรียนไปในแต่ละคาบ แทนการทำแบบฝึกหัดครับ นอกจากนี้ ทุกๆ ภาคการศึกษา นักเรียนจะถูกแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มละ 3 คนโดยคละคนเก่งกลางอ่อนเข้าด้วยกัน (วัดจากคะแนนสอบ) เพื่อให้นักเรียนช่วยเหลือกันในเวลาเรียน โดยการจัดกลุ่มนักเรียนจะได้เลือกเพื่อนร่วมทีม ที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละภาคการศึกษาครับ
ทีมงาน TIG : อะไรที่ทำให้ครูแบงค์ตัดสินใจใช้การสอนแบบนี้ครับ
ครูแบงค์ : ในมุมมองของผม ผมมองว่าภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่แตกต่างจากคณิตศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ครับ โดยคณิตศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์จะมีขั้นตอนการเรียนที่เป็นขั้นเป็นตอน เช่น วิชาคณิตศาสตร์จะเริ่มจากบวก ไปลบ ไปคูณ และตามด้วยหาร แต่ภาษาอังกฤษไม่ใช่วิชาความรู้อย่างเดียว แต่หากมองให้กว้างมันคือวิชาทักษะ ทำให้จุดอ่อนของวิชาภาษาอังกฤษคือแต่ละเนื้อหา แต่ละทักษะค่อนข้างที่จะเป็นเอกเทศ ไม่เชื่อมต่อกันเหมือนกับวิชาทางสายวิทย์ ทำให้หลายๆ ครั้งนักเรียนไม่สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาเข้าหากันได้ในการเรียนแต่ละคาบ ผมก็เลยใช้เรื่องราว (การสอนแบบสตอรี่ไลน์) เข้ามามีบทบาททำให้นักเรียนสามารถค้นคืนความรู้ภาษาอังกฤษได้จากเหตุการณ์ที่เจอไป ใช้กิจกรรมเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกใช้ทักษะภาษาอังกฤษจริงๆ และใช้ทีมสามคนเพื่อไม่ให้มีนักเรียนคนไหนถูกทอดทิ้งจากการเรียนในห้องครับ
ทีมงาน TIG : รบกวนครูแบงค์อธิบายคร่าวๆ ได้ไหมครับว่าในห้องเรียนของครูแบงค์มีขั้นตอนการจัดการเรียนการสอนอย่างไรบ้างครับ
ครูแบงค์ : เริ่มต้นในแต่ละคาบจะมีการทบทวนก่อนว่าในคาบที่แล้วเรื่องราวที่เราเผชิญมาคืออะไร เหมือนกับเวลาที่เราอ่านการ์ตูนแล้วมีความเดิมตอนที่แล้วครับ จากนั้นก็จะมีชื่อตอน โดยชื่อตอนจะสอดคล้องกับเนื้อเรื่องและกิจกรรม จากนั้นจะมีตัวละครออกมาพูดคุยกัน โดยผมจัดหน้าให้เหมือนเกม RPG ตรงนี้เองที่ผมจะนำตัวละครเข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอน เช่น เราต้องไปช่วยหมอคุเรฮะในการปฐมพยาบาลประชาชนที่บาดเจ็บ จากนั้นก็จะเข้าสู่เนื้อหาที่จะต้องใช้เรียน ซึ่งผมมีข้อตกลงว่าจะใช้เวลากับเนื้อหาในการเรียนเพียง 10-15 นาทีต่อคาบเท่านั้น โดยในการดำเนินเรื่องนักเรียนจะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย (มีตัวเลือกให้เลือก) ซึ่งจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันในบางส่วน หลังจากนั้นก็จะเป็นกิจกรรมจากเนื้อหาที่ได้เรียนไปครับ ปิดท้ายด้วยการสรุปเนื้อหา และกิจกรรมอีกครั้งก่อนที่จะจบคาบครับ
นักเรียนจะสามารถเลือกทางเลือกในการดำเนินเรื่องได้
ทีมงาน TIG : ดูเหมือนขั้นตอนจะค่อนข้างละเอียดนะครับ ไม่ทราบว่าครูแบงค์แบ่งเนื้อหาการสอนยังไงบ้างครับ
ครูแบงค์ : ผมจะแบ่งเนื้อหาโดยเอาอาชีพเป็นตัวตั้งครับ จากนั้นก็จะเอาอาชีพโยงมาว่าทักษะ 4 ทักษะ (ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน) ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนี้มีอะไรบ้าง จากนั้นก็ค่อยหยิบเนื้อหาภาษาอังกฤษที่สอดคล้องกับทักษะ และอาชีพที่วางไว้มาใส่ โดยดูหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบเพื่อให้นักเรียนได้ความรู้พื้นฐานครบตามที่กระทรวงกำหนดครับ
โดยสาเหตุที่ผมเอา 4 ทักษะพื้นฐานมา เพราะผมมองว่าวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ควรจะเน้นที่ทักษะพื้นฐาน ไม่ใช่แกรมม่าพื้นฐานเพียงเท่านั้น ฉะนั้นนักเรียนจะต้องได้เรียนภาษาอังกฤษครบทุกทักษะที่จำเป็นครับ
ทีมงาน TIG : เรียกได้ว่าแปลกใหม่ตั้งแต่การเลือกเนื้อหามาสอนเลยนะครับ ผมทราบมาว่านอกจากการสอนในแต่ละคาบแล้วครูแบงค์ยังมีกิจกรรมที่เรียกว่า “เดินเรือ” โดยใช้บอร์ดเกมเข้ามามีส่วนร่วมในการสอนด้วย
ครูแบงค์ : ใช่ครับ ทุกๆ 2 คาบของแต่ละอาชีพ ผมจะมีกิจกรรมพิเศษที่เรียกว่าเดินเรือ โดยกิจกรรมนี้เป้าหมายก็คือให้นักเรียนได้ทบทวนเนื้อหาใน 2 คาบที่เรียนไปก่อนหน้านี้ รวมถึงทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนที่แปลกใหม่มากขึ้นครับ ในคาบเดินเรือนี้นักเรียนจะได้แข่งขันกันว่าใครจะเป็นผู้เดินเรือก่อน โดยผ่านการทำกิจกรรมพิเศษที่ใช้เนื้อหาจากคาบก่อนหน้า 2 คาบครับ โดยในแต่ละช่องของบอร์ดก็จะมีความหมายแตกต่างกันไป เช่น หากตกช่องสีแดง ก็ต้องไปสอบนอกเวลา แต่จะได้คะแนนพิเศษ หากตกช่องสีดำนักเรียนจะต้องทำการบ้านพิเศษ หากตกช่องสีเหลืองก็จะได้การ์ดมาใช้ครับ
ทีมงาน TIG : มีการนำการ์ดมาใช้ด้วยเหรอครับ?
ครูแบงค์ : ใช่ครับ โดยหลังจากที่นักเรียนเดินเรือแล้ว นักเรียนจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่จะตัดสินใจว่าจะใช้การ์ดหรือไม่ โดยการ์ดเหล่านี้ก็จะมีทั้งช่วยเหลือตัวเอง แกล้งเพื่อน ปกป้องตนเอง หรือช่วยเหลือเพื่อนครับ โดยการ์ดทั้งหมดผมจะทำขึ้นมาเอง ใช้ภาพจากเกม One Piece Treasure Cruise ครับ
ทีมงาน TIG : ทีมงานสงสัยว่าหากเป็นนักเรียนที่ไม่เคยอ่านวันพีซมาก่อน พวกเขาจะไม่เบื่อหรือครับ รวมถึงคนที่อ่านมาแล้วพวกเขาก็จะรู้เนื้อหามาก่อน นักเรียนก็จะเดาเนื้อเรื่องได้หรือเปล่าครับ?
ครูแบงค์ : ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้นผมเขียนขึ้นเองใหม่ทั้งหมดครับ ผมใช้ตีมวันพีซ ใช้ตัวละครจากวันพีซ แต่เรื่องราวทั้งหมดผมจะเขียนขึ้นมาใหม่เพื่อให้นักเรียนที่อาจจะไม่ได้เป็นแฟนวันพีซก็สามารถเรียนรู้และติดตามเนื้อเรื่องได้ ในขณะเดียวกันแฟนพันธุ์แท้วันพีซเองก็จะไม่รู้สึกเบื่อที่จะต้องมานั่งอ่านเนื้อเรื่องซ้ำๆ ครับ
ทีมงาน TIG : ผลการตอบรับของนักเรียนล่ะครับ เป็นอย่างไรบ้าง?
ครูแบงค์ : ถ้าวัดจากความร่วมมือในห้องต้องบอกว่านักเรียนให้ความร่วมมือดีมาก ผมไม่ต้องมาคอยกังวลว่านักเรียนจะแอบเล่นมือถือหรือไม่ เพราะผมทำให้การเรียนในห้องสนุกกว่าเกมในมือถือได้ และหากวัดด้านผลการเรียนของนักเรียนก็ดีขึ้นด้วย โดยนักเรียนแต่ละคนก็จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ รวมถึงนักเรียนยังบอกอีกว่าสามารถนำเนื้อหาที่ได้เรียนไปต่อยอดใช้ได้จริง
ทีมงาน TIG : แสดงว่าเกมหรือการเรียนด้วยเกม และกิจกรรมคือตัวชี้นำทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการอยากเรียนมากยิ่งขึ้น?
ครูแบงค์ : ใช่ครับ เพราะสิ่งที่นักเรียนเบื่อคือการเรียนภาษาอังกฤษที่ไม่รู้ว่าเรียนไปทำไม แต่การเรียนด้วยกิจกรรม ทำให้นักเรียนได้รู้ว่าจริงๆ แล้วในแต่ละอาชีพ หรือในชีวิตประจำวัน พวกเขาสามารถนำภาษาอังกฤษไปใช้อะไรได้บ้าง อีกทั้งกิจกรรมทำให้พวกเขาสนุก ทุกคนชอบความสนุก ทุกคนอยากมีความสุข การเรียนที่สนุก ทำให้นักเรียนมีความสุข ทำให้พวกเขาเองก็อยากเรียนตามด้วยไปครับ
Comments